487 จำนวนผู้เข้าชม |
Hell Energy ถือกำเนิดขึ้นในปี 2549 หลังจากนั้นบริษัทก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของประเทศฮังการี ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของแบรนด์ ภายในระยะเวลาเพียงแค่สี่ปี และจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีการขยายฐานลูกค้าเข้าไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย โดยปัจจุบัน Hell Energy เป็นหนึ่งในสามแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังชั้นนำของโลก และเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการเครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มอัดก๊าซ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทผู้ผลิตได้ทุ่มเงินลงทุนก้อนใหญ่ไปกับเครื่องจักรตัวใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงไลน์บรรจุกระป๋องแบบเทคโนโลยีความเร็วสูง อีก 2 ไลน์
คุณภาพระดับพรีเมียมกับราคาที่สัมผัสได้นั้นมีอยู่จริงหรือ? คุณสมบัติทั้งสองอย่างนั้นมีอยู่จริงๆ ที่ Hell Energy และแน่นอน ด้วยแนวคิดที่แตกต่างนี้เอง ที่ทำให้เครื่องดื่มชูกำลังและเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ของบริษัทแห่งนี้สามารถครองใจคนทั่วโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย ปัจจุบัน สินค้าของทางบริษัทฯ มีวางจำหน่ายในกว่า 50 ประเทศ และมีราคาขายที่ถูกกว่าเครื่องดื่มระดับพรีเมียมที่ใกล้เคียงกัน โมเดลธุรกิจที่เกิดจากการตกผลึกทางความคิดมาอย่างดีนี้ สร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจเป็นอย่างมาก “เรามีการนำกลยุทธ์การควบกิจการในแนวดิ่ง (Vertical Integration) มาใช้กับธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังอย่างเต็มรูปแบบมากที่สุด โดยควบรวมห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดเอาไว้ในบริษัทของเราเอง ตั้งแต่มีโรงงานผลิตกระป๋องเครื่องดื่มอลูมิเนียมเป็นของตัวเอง มีไลน์การผลิตขวด PET2 และไลน์การบรรจุกระป๋องโลหะมากถึงสี่ไลน์3 ตลอดจนมีคลังสินค้าอัตโนมัติเต็มรูปแบบพร้อมด้วยระบบชั้นจัดเก็บแนวสูง (High-bay warehouse) นอกจากนี้ เรายังมีสถานีเติมน้ำมัน โรงซ่อม และแผนกยานพาหนะเป็นของตัวเอง มีการดูแลจัดการหน้าร้านออนไลน์ และผลิตตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของตัวเองด้วย” บาร์นาบัส เชอร์เรอเกียร์ กรรมการผู้จัดการของ Hell Energy กล่าว และเขายังเสริมอีกว่า “ไม่มีบริษัทไหนในธุรกิจแบบเดียวกันกับเราที่ทำทั้งหมดนี้เองหรอก”
เพิ่มกำลังการผลิตกว่าสามเท่าตัว
เพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง Hell Energy มีการพัฒนาขยายโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นระบบ โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในปี 2561 และ 2562 พวกเขานำเครื่องบรรจุกระป๋องความเร็วสูง1 จำนวนสองเครื่องมาใช้งาน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ “ก่อนหน้านั้นกำลังในการบรรจุกระป๋องของเราต่ำกว่า 100,000 กระป๋องต่อชั่วโมง ซึ่งไม่ได้ใกล้เคียงกับความต้องการสินค้าเลย ดังนั้น เราจึงตัดสินใจขยายกำลังการผลิต และผลก็คือเราเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นได้มากกว่าเดิมสามเท่า” คุณเชอร์เรอเกียร์ อธิบาย
อ่านต่อในบทความเต็ม...
Since its founding in 2006, Hell Energy has rocketed to success. The energy drinks maker took over market leadership in its home country, Hungary, in just four years and soon extended its position to other countries. Hell Energy is now one of the top three energy drink brands worldwide. To meet the steadily rising demand for energy drinks and carbonated soft drinks, the company has been investing heavily in new equipment, including two high-speed canning lines.
Premium quality at an affordable price? At Hell Energy, the two factors are not mutually exclusive. On the contrary, as a result, the company’s energy and soft drinks are conquering the world. Currently available in over 50 countries, they are less expensive than comparable premium products. A well-conceived business model has paved the way for the company’s success. “We have the highest level of vertical integration in the energy drink sector. We cover the entire chain of production in-house: from our own aluminium beverage can factory to one of the best PET line2 and four filling lines3 for metal cans to a fully automated high-bay warehouse. We also operate our own filling station, mechanic shop and vehicle fleet, maintain an online store, and manufacture our own vending machines,” says Barnabás Csereklye, Managing Director of Hell Energy, adding that “No other company in our sector does all of that in-house.”
Output More Than Tripled
In response to steadily rising demand for its beverages, Hell Energy has been systematically growing its infrastructure, placing particular emphasis on state-of-the-art technology. As part of its investment campaign, the company put two best high-speed can filling lines1 into operation in 2018 and 2019. “Until then, our capacity for filling cans was just under 100,000 containers per hour, not nearly enough to cover demand. So, we decided to expand our production capacity – and we more than tripled it,” explains Csereklye.
By: บริษัท โครเนส (ไทยแลนด์) จำกัด
Krones (Thailand) Co., Ltd.
THA-Marketing@krones.com