ปรากฎการณ์ Pet Humanization ต่อการพัฒนาขนมสัตว์เลี้ยงยุคใหม่ Pet Humanization and Its Impact on Treat Formulation Trends

ปรากฎการณ์ Pet Humanization ต่อการพัฒนาขนมสัตว์เลี้ยงยุคใหม่
Pet Humanization and Its Impact on Treat Formulation Trends

By:  ณัฐกฤตา ปองมงคล
Natkritta Pongmongkol
Strategic Marketing APAC
Brenntag Ingredients (Thailand) Public Company Limited
natkritta.pongmongkol@brenntag.com

           หมวดหมู่ของ “ขนมสัตว์เลี้ยง” กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นเพียงอาหารว่างหรือรางวัลสำหรับการฝึกฝน ปัจจุบันได้พัฒนาไปสู่หนึ่งในหมวดผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วและน่าจับตามองที่สุดในตลาดสัตว์เลี้ยง โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากแนวโน้มการเลือกผลิตภัณฑ์แบบพรีเมียม ความผูกพันทางอารมณ์ระหว่างเจ้าของและสัตว์เลี้ยงที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงการใส่ใจในสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

           จากรายงานของ Data Insights Market ในปี พ.ศ. 2568 พบว่า มูลค่าตลาดขนมและอาหารว่างสำหรับสัตว์เลี้ยงทั่วโลกอยู่ที่ 43.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11.9 ต่อปี จนถึงปี พ.ศ. 2577 ซึ่งจะทำให้มูลค่ารวมของตลาดแตะระดับ 118.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจากการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้มีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์ รายได้ของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และค่านิยมใหม่ในการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกของครอบครัว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังกลายเป็นตลาดที่สำคัญในระดับโลก

เอาชนะความท้าทายด้านรสชาติด้วยแนวทางที่แม่นยำ
           แม้จะมีความก้าวหน้าในด้านสูตรอาหารและโภชนาการสำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ “ความน่ากิน” (Palatability) ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมาก หรือใช้โปรตีนทางเลือก เช่น โปรตีนจากแมลงหรือพืช โดยปัญหาที่มักพบบ่อยในอาหารสัตว์เลี้ยง ได้แก่ เนื้อสัมผัสที่ไม่พึงประสงค์ การเกิดออกซิเดชันของไขมันซึ่งส่งผลต่อกลิ่นและรสชาติ ตลอดจนการเสื่อมถอยของประสาทรับรสในสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่การปฏิเสธอาหาร เกิดภาวะโภชนาการไม่สมดุล หรือการบริโภคอาหารที่ไม่ต่อเนื่อง

           ในอดีต การแก้ปัญหานี้มักพึ่งพาการเติมเกลือ หรือไขมัน เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร แต่แนวทางดังกล่าวเริ่มขัดแย้งกับมาตรฐานสุขภาพสมัยใหม่ที่มุ่งลดโซเดียมและไขมันส่วนเกิน ปัจจุบัน ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงจึงหันมาใช้ "พาลาแทนต์" หรือสารกระตุ้นความอยากอาหาร ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเสริมประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการ

Palatants: ไม่ใช่แค่เพิ่มรสชาติ แต่คือกลยุทธ์เพื่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง
           พาลาแทนต์มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความน่ากินและการยอมรับของสัตว์เลี้ยง ทั้งในสูตรอาหารแบบแห้งและแบบเปียก โดยไม่ลดทอนเป้าหมายด้านโภชนาการหรือสุขภาพ งานวิจัยจาก AFB International ใน พ.ศ. 2566 ระบุว่า อาหารเม็ดที่ใช้พาลาแทนต์ยังสามารถเพิ่มอัตราการบริโภคของสุนัขและแมวได้สูงถึงร้อยละ 30–70 เมื่อเทียบกับอาหารในกลุ่มที่ไม่ได้เติมพาลาแทนต์

           นอกจากการเพิ่มความอร่อยแล้ว พาลาแทนต์ยังมีบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยง ดังนี้

           กระตุ้นความอยากอาหารในสัตว์ที่มีภาวะเบื่ออาหาร เช่น สัตว์เลี้ยงที่มีอายุมาก หรือสัตว์ที่ป่วย
ส่งเสริมการยอมรับสูตรอาหารเฉพาะทาง เช่น อาหารรักษาโรค หรืออาหารที่มีข้อจำกัดทางด้านโภชนาการช่วยกลบกลิ่นหรือรสชาติไม่พึงประสงค์จากส่วนผสมที่มีประโยชน์ เช่น กรดไขมันโอเมกา-3 กลูโคซามีน หรือสารสกัดจากสมุนไพรสนับสนุนการบริโภคอย่างต่อเนื่องในสูตรอาหารระยะยาว

           The pet treat segment has undergone significant evolution. Once limited to basic snacks or behavioral rewards, treats have become one of the most dynamic and fast-growing categories in the pet care market. This shift is driven by the convergence of premiumization, emotional bonding, and heightened health awareness among pet parents.

           The global pet snacks and treats market, currently valued at USD 43.2 billion, is projected to grow at a compound annual growth rate (CAGR) of 11.9%, reaching USD 118.3 billion by 2034 (Data Insights Market, 2025). Key growth drivers include increased pet ownership, rising disposable incomes, and the broad cultural shift toward treating pets as members of the family — particularly in emerging economies such as China, India, and Southeast Asia.

Addressing Palatability Challenges with Precision
           Despite these advancements, palatability remains a persistent challenge, especially in treats formulated for senior pets or those using alternative proteins (e.g., insect-based, plant-derived). Factors such as poor texture, oxidation of fats, or age-related sensory decline can lead to reduced food acceptance, poor compliance, and potential nutritional deficiencies.

           Traditionally, palatability has been enhanced using salts or fats — approaches that may conflict with modern health standards. As a result, manufacturers are increasingly turning to palatants — specialized compounds designed to improve sensory appeal while supporting nutritional goals.

Palatants: Beyond Flavor Enhancement

- Palatants play a pivotal role in improving the acceptance of both dry and moist formulations

- without compromising health. Research by AFB International (2023) demonstrates that palatant-

- treated kibbles can achieve 30–70% higher consumption rates in dogs and cats compared to untreated controls.

Far from being mere flavor additives, palatants contribute strategically by:
           Stimulating appetite in pets with medical or age-related anorexia
Improving compliance with therapeutic or functional diets
Masking undesirable flavors from beneficial but off-putting ingredients (e.g., omega-3 fatty acids, glucosamine, certain botanicals)
Supporting consistent intake in long-term feeding regimens